ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย XS Editorial Team
อัปเดตแล้ว 14 มีนาคม 2025
การซื้อขายระยะสั้นเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาขนาดเล็กภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง วัน หรือสัปดาห์ กลยุทธ์นี้ต้องการความแม่นยำสูงและเครื่องมือที่เหมาะสม
บทความนี้จะอธิบายแนวคิดของการซื้อขายระยะสั้นพร้อมแนะนำกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อเริ่มต้นซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ
การซื้อขายระยะสั้นมุ่งเน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในช่วงไม่กี่ชั่วโมง วัน หรือสัปดาห์
ประเภทที่พบบ่อย ได้แก่ การเทรดรายวัน การเทรดแบบสวิง การเทรดแบบเก็งกำไรระยะสั้น และการเทรดระหว่างวัน
เครื่องมือสำคัญที่ใช้ ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) RSI MACD และ Bollinger Bands
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
การซื้อขายระยะสั้นคือการซื้อและขายตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น หรือ ฟอเร็กซ์ ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาจเป็น ไม่กี่ชั่วโมง วัน หรือสัปดาห์
เป้าหมายหลักของกลยุทธ์นี้คือการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในช่วงสั้น ๆ
ความแตกต่างหลักระหว่างการซื้อขายระยะสั้นและระยะยาวอยู่ที่ระยะเวลาและเป้าหมาย
การซื้อขายระยะสั้นเน้นการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน ขณะที่การซื้อขายระยะยาวมักใช้ระยะเวลาตั้งแต่หลายเดือนจนถึงหลายปี
นอกจากนี้การซื้อขายระยะสั้นมักอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ ขณะที่การซื้อขายระยะยาวเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการถือครองสินทรัพย์ผ่านความผันผวนของตลาด
ตัวอย่างเช่น นักเทรดเดอร์ทำการเทรดสั้นอาจทำกำไรจากความผันผวนของตลาดหุ้นที่เกิดจากรายงานผลประกอบการ ขณะที่นักลงทุนระยะยาวจะรอให้บริษัทเติบโตและเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
การเทรดระยะกลางเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างการเทรดระยะสั้นและระยะยาว โดยมีระยะเวลาการถือสถานะตั้งแต่หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
กลยุทธ์นี้มีความเข้มข้นน้อยกว่าการเทรดระยะสั้นแต่ยังต้องมีการบริหารจัดการมากกว่าการลงทุนระยะยาว
นักเทรดระยะกลางมักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานควบคู่กันเพื่อค้นหาโอกาสในการเทรดที่เหมาะสม
การเทรดระยะสั้นมีหลากหลายแนวทางโดยแต่ละแบบเหมาะกับสไตล์การเทรดและสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน โดยหลัก ๆ ได้แก่ การเทรดรายวัน การเทรดแบบสวิง การเทรดแบบเก็งกำไรระยะสั้น และการเทรดระหว่างวัน
การเทรดรูปแบบนี้เน้นการปิดทุกสถานะก่อนสิ้นสุดการซื้อขายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงข้ามคืน
นักเทรดเดอร์รายวันจะติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดตลอดทั้งวัน โดยมองหาโอกาสในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้นที่เคลื่อนไหวแรง หรือ คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ที่มีความผันผวนสูง
ความสำเร็จของการเทรดรายวันขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค และความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
นักเทรดแบบสวิงจะถือสถานะเป็นเวลาหลายวัน โดยมีเป้าหมายทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในระยะสั้น
การเทรดรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจังหวะการเทรดที่ผ่อนคลายกว่าการเทรดรายวันแต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่าการลงทุนระยะยาว
นักเทรดแบบสวิงมักใช้ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของตลาด
นักเทรดแบบ Scalping มุ่งทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาขนาดเล็กโดยดำเนินการซื้อขายหลายครั้งภายในไม่กี่นาทีหรือแม้แต่ไม่กี่วินาที
กลยุทธ์นี้ต้องอาศัย สมาธิ ความเร็วในการดำเนินคำสั่งซื้อขายสูง และวินัยที่เคร่งครัดเพื่อจำกัดการขาดทุน
Scalping เหมาะกับตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ฟอเร็กซ์ หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง
การเทรดระหว่างวันมีความคล้ายคลึงกับการเทรดรายวันโดยเน้นการซื้อและขายหลักทรัพย์ภายในวันเดียวกัน
นักเทรดระหว่างวันมุ่งทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระหว่างวัน และมักใช้กลยุทธ์การเทรดระหว่างวันร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น กราฟแท่งเทียน และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)
แต่ละประเภทของการเทรดระยะสั้นต้องอาศัยกลยุทธ์เฉพาะเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค และความเข้าใจด้านจิตวิทยาการเทรดเพื่อให้สามารถรับมือกับความรวดเร็วของตลาดระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเริ่มต้นไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม: ศึกษาและเลือกแพลตฟอร์มสำหรับการเทรดระยะสั้นที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ เครื่องมือที่ครบครัน และความเร็วในการดำเนินคำสั่ง
เรียนรู้พื้นฐาน: ทำความเข้าใจกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นสำหรับมือใหม่ และศึกษาเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค
ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง: แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มีบัญชีทดลองให้ใช้ ซึ่งช่วยให้คุณทดสอบทักษะโดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน
กำหนดงบประมาณ: ตัดสินใจว่าคุณต้องการใช้เงินทุนเทรดเท่าไร—และมีวินัยในการรักษาข้อจำกัดนี้
การเทรดระยะสั้นค่อนข้างมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากต้องตัดสินใจภายในระยะเวลาอันสั้น
ดังนั้นการรู้จักรูปแบบราคาที่ต้องจับตา และอินดิเคเตอร์ที่ควรใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด
อินดิเคเตอร์สำหรับการเทรดระยะสั้นช่วยให้นักเทรดเดอร์สามารถระบุแนวโน้มในตลาดที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วต่อไปนี้คืออินดิเคตอร์ที่ได้รับความนิยม
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยลดความผันผวนของราคาในช่วงเวลาที่กำหนดทำให้นักเทรดเดอร์ต่างมองเห็นทิศทางโดยรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา (Simple Moving Average - SMA): คำนวณราคาปิดเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนดให้ภาพแนวโน้มที่เรียบง่าย
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (Exponential Moving Average - EMA): ให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่าทำให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้รวดเร็วขึ้น
นักเทรดเดอร์ใช้ SMA และ EMA เพื่อระบุแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง และช่วยตัดสินใจจุดเข้าและจุดออกจากการซื้อขาย
ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เป็นอินดิเคเตอร์ที่วัดโมเมนตั้มของหุ้นหรือสินทรัพย์โดยมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100
ค่า RSI สูงกว่า 70: อาจบ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และมีโอกาสปรับฐานลง
ค่า RSI ต่ำกว่า 30: อาจบ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในภาวะขายมากเกินไป (Oversold) และมีโอกาสดีดตัวกลับ
อินดิเคเตอร์นี้นี้ช่วยให้นักเทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การกลับตัวของราคาและประเมินว่าตลาดมีการขยายตัวมากเกินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
MACD เป็นอินดิเคเตอร์สำหรับการเทรดระยะสั้นที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น
อินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้นักเทรดเดอร์สามารถทำการระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตั้มและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
สัญญาณขาขึ้น (Bullish Signal): เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณอาจบ่งชี้ถึงโมเมนตั้มขาขึ้น
สัญญาณขาลง (Bearish Signal): ในทางกลับกันหากเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้นสัญญาณอาจบ่งชี้ถึงโมเมนตั้มขาลง
MACD เป็นเครื่องมือสำคัญที่รวมการวิเคราะห์แนวโน้มและโมเมนตั้มเข้าด้วยกันทำให้เป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ยอดนิยมของนักเทรดเดอร์ระยะสั้น
Bollinger Bands เป็นอินดิเคเตอร์ที่ช่วยแสดงความผันผวนของราคาโดยสร้างเส้นขอบบนและขอบล่างรอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
ราคาที่อยู่ใกล้เส้นขอบบน: อาจบ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)
ราคาที่อยู่ใกล้เส้นขอบล่าง: อาจเป็นสัญญาณว่าสินทรัพย์อยู่ในภาวะขายมากเกินไป (Oversold)
Bollinger Bands ช่วยให้นักเทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ การทะลุแนวหรือการกลับตัวของราคาโดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง
รูปแบบทางเทคนิคในตลาดช่วยให้นักเทรดเดอร์ระบุแนวโน้มและจังหวะการเข้าออกที่เหมาะสมต่อไปนี้คือรูปแบบสำคัญที่ควรจับตา:
Flags (ธง): มักเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มเดิมทำให้นักเทรดเดอร์สามารถใช้เป็นจุดเข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่
Pennants (ธงสามเหลี่ยม): คล้ายกับธงแต่มีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยมขนาดเล็กมักเกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง และบ่งชี้แนวโน้มที่อาจต่อเนื่องไปในทิศทางเดิม
Double Tops และ Double Bottoms: Double Top เป็นสัญญาณกลับตัวขาลงหลังจากแนวโน้มขาขึ้น Double Bottom เป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง
การเทรดระยะสั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะตลาดหุ้นแต่ยังรวมถึงตลาดอื่น ๆ ที่เปิดโอกาสให้นักเทรดซื้อขายสินทรัพย์อย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อย
ต่อไปนี้คือตลาดการเทรดระยะสั้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด:
ตลาดหุ้น (Stock Market): เป็นตัวเลือกหลักของนักเทรดเดอร์โดยการซื้อขายหุ้นของบริษัทต่าง ๆ มักเกิดขึ้นภายในวันเดียวหรือไม่กี่สัปดาห์
ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex Market): ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงและเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการเทรดคู่เงิน เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และยูโร (EUR)
ตลาดฟิวเจอร์ส (Futures Market): ตลาดที่ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งนักเทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากราคาสินทรัพย์ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น หรือสกุลเงิน
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Market): ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีความผันผวนสูงและให้โอกาสในการซื้อขายเหรียญดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอเรียม (Ethereum)
แต่ละตลาดมีทั้งความเสี่ยงและโอกาสในแบบของตัวเองการทำความเข้าใจลักษณะของแต่ละตลาดจะช่วยให้นักเทรดเดอร์เลือกตลาดที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของตนเองได้ดีที่สุด
ในการเทรดระยะสั้นค่าธรรมเนียมอาจลดกำไรของคุณลงอย่างรวดเร็วหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
ต่อไปนี้คือค่าธรรมเนียมที่ควรพิจารณา:
ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ : แพลตฟอร์มส่วนใหญ่คิดค่าธรรมเนียมทุกครั้งที่คุณทำการซื้อหรือขาย
ค่าสเปรด : ในฟอเร็กซ์และตลาดบางประเภทคุณต้องจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายซึ่งเรียกว่าสเปรด
ค่าคอมมิชชั่น : โบรกเกอร์บางรายคิดค่าคอมมิชชั่นต่อคำสั่งซื้อขาย ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรของนักเทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายบ่อย
ค่าธรรมเนียมถือสถานะข้ามคืน: หากคุณถือสถานะข้ามคืนบางแพลตฟอร์มอาจเรียกเก็บ ดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมถือสถานะ
เพื่อเพิ่มกำไรสูงสุดควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ และพิจารณาความถี่ในการเทรดของคุณแม้แต่การประหยัดค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ในระยะยาว
ไม่ใช่ทุกหุ้นที่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น หุ้น Blue-chip เช่น Apple หรือ Microsoft มีความมั่นคงแต่ยังคงมีการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับนักเทรดเดอร์ที่กระตือรือร้น
หุ้นขนาดเล็กมักมีความเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงขึ้น ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้น
หุ้นเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยได้รับอิทธิพลจากข่าวสารหรือรายงานผลประกอบการ ขณะที่หุ้น penny แม้ว่าจะมีความผันผวนสูงแต่ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่มากเป็นพิเศษ
การเทรดระยะสั้นที่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับการวิจัยหุ้นที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงและกลยุทธ์ของคุณ
การเทรดระยะสั้นสามารถเป็นทั้งความท้าทายและให้ผลตอบแทนที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตัดสินใจที่รวดเร็วข้อดีหลัก ๆ ได้แก่:
ผลตอบแทนที่รวดเร็ว: ต่างจากการลงทุนระยะยาวการเทรดระยะสั้นช่วยให้คุณทำกำไรได้ภายในไม่กี่วันหรือแม้แต่ไม่กี่ชั่วโมง
ความยืดหยุ่น: การเทรดระยะสั้นช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องยึดติดกับการลงทุนระยะยาว
โอกาสทำกำไรในทุกสภาวะตลาด: คุณสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงผ่านกลยุทธ์ เช่น การขายชอร์ตหรือการเทรดตราสารอนุพันธ์
แม้ว่าการเทรดระยะสั้นจะมีข้อดีหลายประการแต่ก็มีความท้าทายที่ต้องพิจารณาเช่นกัน ข้อเสียที่สำคัญ ได้แก่:
ความเสี่ยงสูง: การเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็วอาจนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดเดอร์ที่ไม่มีประสบการณ์
ความเครียด: ตลาดที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วต้องการการติดตามอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
ต้นทุนการเทรดที่เพิ่มขึ้น: การซื้อขายบ่อยครั้งมักทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เช่น ค่าคอมมิชชั่น ค่าสเปรด หรือค่าธรรมเนียมถือสถานะข้ามคืน
การเทรดระยะสั้นเปิดโอกาสให้ทำกำไรได้อย่างรวดเร็วแต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ วินัย และการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ เครื่องมือ รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา และตลาดที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้นักเทรดเดอร์สามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูลและรับมือกับความท้าทายของกลยุทธ์การเทรดที่รวดเร็วนี้ได้อย่างมั่นใจ
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
การเทรดระยะสั้นหมายถึงการซื้อและขายตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น สกุลเงิน หรือฟิวเจอร์ส ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจอยู่ในช่วงไม่กี่นาทีถึงไม่กี่สัปดาห์
ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้การเทรดระยะสั้นสามารถสร้างกำไรได้สำหรับนักเทรดเดอร์ที่มีวินัย มีข้อมูลที่ดี และบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคนเนื่องจากความเครียดสูงและความเสี่ยงในการขาดทุน
ใช่แล้ว นักเทรดระยะสั้นหลายคนสามารถทำกำไรได้ แต่ต้องอาศัยทักษะ กลยุทธ์ที่ชัดเจน และการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด ควรเข้าใจว่าการเทรดทุกครั้งอาจไม่ได้กำไรเสมอไปและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมักต้องอาศัยประสบการณ์
จำนวนเงินเริ่มต้นขึ้นอยู่กับตลาดและโบรกเกอร์ที่เลือกบางตลาด เช่น ฟอเร็กซ์หรือคริปโตเคอร์เรนซี สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียง $100 ในขณะที่ตลาดหุ้นอาจต้องใช้เงินทุนมากกว่าเนื่องจากมีข้อกำหนดขั้นต่ำของบัญชีและค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง