Logo
หน้าหลัก     บทความ     คำสั่ง stop loss คืออะไร

ฟอเร็กซ์

คำสั่ง Stop Loss คืออะไร? ความหมาย ตัวอย่าง และการใช้งาน

เขียนโดย XS Editorial Team

อัปเดตแล้ว 14 มีนาคม 2025

คำสั่ง-stop-loss-คืออะไร
สารบัญ

    คำสั่งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงที่ช่วยให้เทรดเดอร์จำกัดการขาดทุนและปกป้องการลงทุนของตนเองแต่จริง ๆแล้วคำสั่ง Stop Loss คืออะไร? มันทำงานอย่างไร และคุณสามารถใช้มันได้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?

    ในบทความนี้เราจะอธิบายความหมาย ตัวอย่าง และวิธีการใช้คำสั่ง Stop Loss เพื่อช่วยให้คุณเทรดได้อย่างชาญฉลาดและลดความเสี่ยงในการลงทุน

    สาระสำคัญ

    • คำสั่ง Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนโดยอัตโนมัติโดยจะเปิดคำสั่งซื้อหรือขายเมื่อราคาสินทรัพย์ถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปในสภาวะตลาดที่ผันผวน

    • มีประเภทของคำสั่ง Stop Loss ที่แตกต่างกัน รวมถึง Fixed Stop Loss และ Trailing Stop Loss

    • การใช้ Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพต้องมีการวางกลยุทธ์เทรดเดอร์ควรพิจารณาความผันผวนของตลาด หลีกเลี่ยงการตั้ง Stop Loss ใกล้จุดเข้าเทรดมากเกินไป และใช้ Risk-Reward Ratio เพื่อสร้างสมดุลระหว่างกำไรและขาดทุน

    ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง

    ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ

    เปิดบัญชีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

    คำสั่ง Stop Loss คืออะไร?

    คำสั่ง Stop Loss คือคำสั่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด เป้าหมายหลักคือเพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติมหากราคาขยับสวนทางกับคุณ

    เมื่อคุณตั้งคำสั่ง Stop Loss คุณจะกำหนดราคาที่โบรกเกอร์ของคุณจะปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติวิธีนี้ช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

     

    คำสั่ง Stop Loss ทำงานอย่างไร?

    คำสั่ง Stop Loss จะเปิดคำสั่งmarket order โดยอัตโนมัติเมื่อราคาของสินทรัพย์ถึงระดับที่กำหนดไว้

    ขั้นตอนการทำงาน:

    1. คุณซื้อหุ้น คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ หรือ สินทรัพย์คริปโตในราคาที่กำหนด

    2. คุณตั้งราคาหยุดขาดทุน (Stop Loss) ต่ำกว่าจุดเข้า (หากคุณซื้อ) หรือ สูงกว่า (หากคุณขาย)

    3. หากราคาลงมาถึงระดับ Stop Loss ของคุณโบรกเกอร์จะขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติที่ราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตลาด

    4. หากราคายังคงอยู่เหนือระดับ Stop Loss คำสั่งจะยังคงไม่ถูกเปิดใช้งาน

     

    ประเภทของคำสั่ง Stop Loss

    มีคำสั่ง Stop Loss หลัก ๆ อยู่สองประเภท ได้แก่:

    Fixed Stop Loss

    Fixed Stop Loss คือคำสั่งที่ตั้งอยู่ที่ระดับราคาที่กำหนด และจะไม่เปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนไหวของราคา ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา $100 และตั้ง Stop Loss ไว้ที่ $95 คำสั่งนี้จะยังคงอยู่ที่ระดับราคานี้จนกว่าคุณจะปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง

    Trailing Stop Loss

    trailing stop-loss จะปรับระดับโดยอัตโนมัติเมื่อราคาขยับไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณหากคุณตั้งค่า Trailing Stop Loss ไว้ที่ 5% และราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจาก $100 เป็น $110 ระดับ Stop Loss จะเลื่อนขึ้นเป็น $104 ซึ่งช่วยล็อกกำไรในขณะที่ยังคงป้องกันการขาดทุน

     

    ตัวอย่างของคำสั่ง Stop Loss

    สมมติว่าคุณซื้อหุ้น Apple (AAPL) ที่ราคา $150 ต่อหุ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง คุณตั้งคำสั่ง Stop Loss ไว้ที่ $140

    • หากราคาหุ้นลดลงมาถึง $140 โบรกเกอร์ของคุณจะขายหุ้นของคุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะจำกัดการขาดทุนไว้ที่ $10 ต่อหุ้น

    • แต่ถ้าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $170 คำสั่ง Stop Loss จะยังคงไม่ถูกเปิดใช้งานทำให้คุณสามารถถือหุ้นและรักษากำไรของคุณต่อไปได้

     

    การใช้งานของคำสั่ง Stop Loss

    คำสั่ง Stop Loss มีประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้แก่:

    • การบริหารความเสี่ยง: ช่วยป้องกันการขาดทุนจำนวนมากโดยปิดการเทรดโดยอัตโนมัติ

    • การควบคุมอารมณ์: ลดการตัดสินใจตามอารมณ์ทำให้เทรดเดอร์มีวินัยมากขึ้น

    • ประหยัดเวลา: เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา

    • ระบบอัตโนมัติ: คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อถึงระดับ Stop Loss ที่กำหนด

     

    Stop Loss vs. Stop Limit Orders

    แม้ว่าคำสั่ง Stop Loss และ Stop Limit จะฟังดูคล้ายกันแต่ทั้งสองมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

    คุณสมบัติ

    Stop Loss Order

    Stop Limit Order

    ประเภทคำสั่ง

    เปิดคำสั่ง Market Order

    เปิดคำสั่ง Limit Order

    ความเร็วในการดำเนินการ

    ดำเนินการทันทีเมื่อถึงจุดที่กำหนด

    ดำเนินการเฉพาะเมื่อถึงราคาที่กำหนดหรือดีกว่า

    ความเสี่ยง

    อาจถูกดำเนินการในราคาที่แย่กว่าที่ตั้งไว้เนื่องจากราคาเกิดการคาดเคลื่อน (Slippage)

    อาจไม่ถูกดำเนินการหากราคาขยับเร็วเกินไป

    แบบไหนดีกว่า?

    • Stop Loss Order เหมาะสำหรับการปิดสถานะอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการขาดทุน

    • Stop Limit Order เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมราคาที่คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการ

     

    Stop Loss vs. Take Profit Orders

    คำสั่ง Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนในขณะที่คำสั่ง Take Profit ช่วยล็อกกำไร

    คุณสมบัติ

    Stop Loss Order

    Take Profit Order

    วัตถุประสงค์

    จำกัดการขาดทุน

    ล็อกกำไร

    ระดับราคา

    ต่ำกว่าจุดเข้า (สำหรับคำสั่งซื้อ)

    สูงกว่าจุดเข้า (สำหรับคำสั่งซื้อ)

    การใช้งาน

    ป้องกันการขาดทุนเมื่อราคาลดลง

    รับประกันกำไรก่อนที่ราคาจะกลับตัว

    เทรดเดอร์หลายคนใช้ทั้งสองคำสั่งร่วมกันโดยตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุดเข้า และตั้ง Take Profit ไว้สูงกว่าจุดเข้าเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน

     

    กลยุทธ์ Stop Loss ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่

    การใช้คำสั่ง Stop Loss อย่างถูกต้องสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในการเทรดที่ประสบความสำเร็จแม้ว่าการตั้ง Stop Loss อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่ก็มีวิธีเชิงกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของมัน

    นี่คือกลยุทธ์ Stop Loss ที่ดีที่สุดที่มือใหม่ควรปฏิบัติตามเพื่อปกป้องการลงทุนและปรับปรุงการบริหารความเสี่ยง

     

    ตั้งค่า Stop Loss ตามความผันผวนของตลาด

    หนึ่งในข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำคือการตั้งค่า Stop Loss แบบตายตัวโดยไม่คำนึงถึงความผันผวนของตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูงการตั้ง Stop Loss ที่แคบเกินไปอาจทำให้คำสั่งถูกกระตุ้นเร็วเกินไปส่งผลให้เกิดการขาดทุนโดยไม่จำเป็น

    ในทางกลับกันหากตลาดมีความเสถียรและคุณตั้ง Stop Loss กว้างเกินไปอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับการขาดทุนที่มากขึ้น

    เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ให้ใช้อินดิเคเตอร์ เช่น Average True Range (ATR) เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสมตามสภาวะตลาด

     

    หลีกเลี่ยงการตั้ง Stop Loss ใกล้กับจุดเข้าเทรดมากเกินไป

    ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำคือการตั้ง Stop Loss ใกล้กับจุดเข้าเทรดมากเกินไปแม้ว่าสิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นวิธีลดความเสี่ยงแต่ในความเป็นจริงอาจทำให้คำสั่งถูกตัดขาดทุนก่อนที่ราคาจะมีโอกาสเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการเนื่องจากความผันผวนปกติของตลาด

    ควรเว้นระยะให้กับการเคลื่อนไหวของราคาโดยการตั้งระดับ Stop Loss ตามแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ

    แทนที่จะตั้ง Stop Loss เพียงไม่กี่เซ็นต์หรือไม่กี่พิปจากจุดเข้าเว้นแต่ว่าคุณกำลังใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ day trading

     

    ใช้ Risk-Reward Ratio เพื่อกำหนดตำแหน่ง Stop Loss

    เทรดเดอร์มืออาชีพมักไม่ยอมรับความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวังกฎพื้นฐานสำหรับมือใหม่คือการใช้ Risk-Reward Ratio ที่ 1:2 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ $1 ที่คุณเสี่ยง คุณควรตั้งเป้าหมายกำไรอย่างน้อย $2

    วิธีปฏิบัติตามหลักการนี้:

    • ก่อนเข้าเทรดกำหนดระดับเป้าหมายกำไรของคุณ

    • ตั้งค่า Stop Loss ในระยะที่ให้ผลตอบแทนอย่างน้อย 2 เท่าของความเสี่ยง

    • ตัวอย่างหากคุณตั้งเป้าหมาย Take Profit ไว้ที่ $20 เหนือจุดเข้าเทรด Stop Loss ของคุณไม่ควรอยู่ห่างจากจุดเข้าเกิน $10 เพื่อให้แน่ใจว่าสัดส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงเป็นไปตามแผน

     

    ใช้ Trailing Stop Loss เพื่อรักษากำไร

    Trailing Stop Loss เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปกป้องกำไรในขณะที่ยังเปิดโอกาสให้ราคาขยับขึ้นต่อไป คำสั่ง Stop Loss ประเภทนี้จะเลื่อนตามอัตโนมัติเมื่อตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณซึ่งช่วยล็อกกำไรโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง

    ตัวอย่าง:

    • หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา $100 และตั้ง Trailing Stop Loss ไว้ที่ 5% ระดับ Stop Loss เริ่มต้นจะอยู่ที่ $95

    • หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $110 ระดับ Stop Loss จะขยับขึ้นเป็น $104.50 (5% ต่ำกว่า $110)

    • หากราคาลดลงมาถึง $104.50 คำสั่งขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติทำให้คุณล็อกกำไรแทนที่จะขาดทุน

    กลยุทธ์นี้มีประโยชน์อย่างมากในตลาดที่เป็นแนวโน้ม (Trending Markets) เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเกาะกระแสแนวโน้มได้ต่อไป ในขณะที่ยังมีระบบป้องกันความเสี่ยงเพื่อรักษากำไรที่สะสมไว้

     

    ปรับ Stop Loss ตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ

    แทนที่จะตั้ง Stop Loss แล้วละเลยไปเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมักปรับ Stop Loss แบบไดนามิกตามสภาวะตลาด

    เลื่อน Stop Loss ไปที่จุดคุ้มทุน (Break Even) เมื่อราคาขยับไปในทิศทางของคุณในระยะหนึ่งหากตลาดยังคงเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มของคุณค่อย ๆ ปรับ Stop Loss ขึ้นเพื่อล็อกกำไรและป้องกันความเสี่ยง

     

    ตั้งค่า Stop Loss ใกล้ระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ

    แนวรับและแนวต้านเป็นจุดราคาที่สินทรัพย์มักเกิดการกลับตัวหรือพักตัวตามปกติการตั้ง Stop Loss เลยระดับเหล่านี้ไปเล็กน้อยจะช่วยลดโอกาสที่คำสั่งจะถูกตัดขาดทุนโดยไม่จำเป็น ในขณะที่ยังสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    เคล็ดลับการใช้คำสั่ง Stop Loss สำหรับมือใหม่

    • ทดสอบกลยุทธ์ Stop Loss ในบัญชีทดลองก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ของคุณได้ผลก่อนนำไปใช้กับการเทรดจริง

    • หลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์ โดยตั้งค่า Stop Loss ตามหลักการและกลยุทธ์ไม่ใช่จากความกลัว

    • ใช้ Stop Loss เป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารความเสี่ยง อย่าพึ่งพา Stop Loss เพียงอย่างเดียว ควรรวมกับกลยุทธ์อื่น ๆ

    • มีความยืดหยุ่น ปรับตำแหน่ง Stop Loss ตามประสบการณ์และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง

     

    ข้อดีและข้อเสียของคำสั่ง Stop Loss

    นี่คือข้อดีและข้อเสียของการใช้คำสั่ง Stop Loss ในการเทรดของคุณ

     

    ข้อดี

    • จำกัดการขาดทุนโดยอัตโนมัติ

    • ช่วยลดการตัดสินใจตามอารมณ์

    • ทำให้เทรดเดอร์ปฏิบัติตามแผนบริหารความเสี่ยง

    • ทำงานได้แม้ไม่ได้เฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา

     

    ข้อเสีย

    • อาจถูกกระตุ้นเร็วเกินไปในตลาดที่มีความผันผวนสูง

    • อาจเกิด Slippage ทำให้ราคาดำเนินการแย่กว่าที่ตั้งไว้

    • ไม่รับประกันว่าคำสั่งจะถูกดำเนินการที่ราคาหยุดขาดทุน

    แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการแต่คำสั่ง Stop Loss ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงในการเทรด

     

    บทสรุป

    คำสั่ง Stop Loss ช่วยให้เทรดเดอร์ปกป้องการลงทุนและลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น โดยนิยมใช้ในการเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ และคริปโต เพื่อบริหารความเสี่ยงและรักษาวินัยในการเทรด

    การเข้าใจการทำงานของ Stop Loss, ประเภทต่างๆ และกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเทรดและปกป้องเงินทุนจากความผันผวนที่ไม่คาดคิดในตลาด

    พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?

    เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย

    รับสิทธิ์เข้าถึงฟรี
    สารบัญ

      คำถามที่พบบ่อย

      คำสั่ง Stop Loss คือคำสั่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด ช่วยให้เทรดเดอร์จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น

      เมื่อราคาสินทรัพย์แตะระดับ Stop Loss คำสั่งจะถูกกระตุ้นให้เปิดคำสั่งขายในตลาด (Market Order) โดยอัตโนมัติเพื่อปิดการซื้อขายก่อนที่การขาดทุนจะเพิ่มขึ้น

      คำสั่ง Stop Loss จะถูกดำเนินการในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่เมื่อถึงระดับที่กำหนดในขณะที่คำสั่ง Stop Limit จะถูกดำเนินการเฉพาะที่ราคาที่กำหนดหรือดีกว่าซึ่งอาจทำให้คำสั่งไม่ถูกดำเนินการหากราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินไป

      ไม่ใช่ครับ/ค่ะ คำสั่ง Stop Loss ไม่สามารถรับประกันราคาที่แน่นอนได้เนื่องจากอาจเกิด Slippage โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว

      แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งแต่การใช้คำสั่ง Stop Loss ถือเป็นแนวทางที่ดีในการบริหารความเสี่ยง เพื่อปกป้องเงินทุนและหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่มากเกินไป

      มือใหม่ควรใช้ Risk-Reward Ratio (เช่น 1:2) ตั้ง Stop Loss ตามระดับความผันผวนของตลาด และหลีกเลี่ยงการตั้ง Stop Loss ใกล้กับจุดเข้าเทรดมากเกินไปเพื่อลดโอกาสถูกตัดขาดทุนเร็วเกินไป

      เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง

      scroll top