ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย XS Editorial Team
อัปเดตแล้ว 13 กุมภาพันธ์ 2025
อินดิเคเตอร์ ADX หรือ Average Directional Index เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มในตลาดการเงินโดยช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุได้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มหรืออยู่ในกรอบการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์
ในบทความนี้เราจะอธิบายสูตรของอินดิเคเตอร์ ADX และวิธีการนำไปใช้ในการเทรด ร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
อินดิเคเตอร์ ADX ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มโดยค่าที่สูงกว่า 25 บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 20 ชี้ให้เห็นว่าตลาดอยู่ในภาวะแนวโน้มอ่อนแอหรือเคลื่อนไหวในกรอบไซด์เวย์
การใช้ ADX ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ RSI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบุจุดเข้าและจุดออกจากตลาด
การปรับแต่งค่าการตั้งค่า ADX ให้เหมาะสมกับการเทรดระยะสั้นหรือประเภทของตลาดที่แตกต่างกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
Average Directional Index (ADX) เป็นอินดิเคเตอรืทางเทคนิคที่พัฒนาขึ้นเพื่อวัดความแข็งแกร่งและทิศทางของแนวโน้มในตลาดการเงิน
แตกต่างจากอินดิเคเตอร์หลายตัวที่เน้นเฉพาะทิศทางของราคา ADX ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มหรือไม่และแนวโน้มนั้นมีความแข็งแกร่งมากเพียงใดไม่ว่าราคาจะเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงก็ตาม
ADX ใช้งานบนสเกลตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยค่าที่ยิ่งสูงบ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้นค่าที่ต่ำกว่า 20 มักบ่งชี้ว่าตลาดไม่มีแนวโน้มหรือแนวโน้มอ่อนแอและค่าที่สูงกว่า 40 บ่งชี้ว่าแนวโน้มมีความแข็งแกร่ง
เทรดเดอร์มักใช้ระดับเหล่านี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ตามแนวโน้มหรือหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดไม่ชัดเจน
อีกหนึ่งจุดเด่นของอินดิเคเตอร์ ADX คือ ความสามารถในการปรับใช้กับกรอบเวลาและตลาดที่แตกต่างกันไม่ว่าคุณจะวิเคราะห์กราฟระยะสั้นสำหรับการเทรดรายวันหรือแนวโน้มระยะยาวสำหรับการลงทุน อินดิเคเตอร์ ADX สามารถนำไปใช้ได้กับสินทรัพย์ทุกประเภท เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และ คริปโทเคอเรนซี
อินดิเคเตอร์ ADX คำนวณผ่านหลายขั้นตอน ดังนี้:
การเคลื่อนที่ตามทิศทาง (+DM และ -DM) : วัดการเคลื่อนที่ของราคาในทิศทางขึ้นหรือลงโดยเปรียบเทียบจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของช่วงเวลาก่อนหน้า
ช่วงที่แท้จริง (True Range - TR): คำนวณค่าที่มากที่สุดจากตัวเลือกต่อไปนี้ราคาสูงสุดลบราคาต่ำสุดของช่วงเวลาเดียวกัน ราคาสูงสุดลบราคาปิดก่อนหน้า หรือราคาต่ำสุดลบราคาปิดก่อนหน้า
การทำให้ค่าเฉลี่ยสมูท (Smoothed Averages) : ใช้เทคนิค Wilder’s smoothing เพื่อคำนวณค่าเฉลี่ยของ +DM, -DM และ TR ตามช่วงเวลาที่เลือก (โดยทั่วไปคือ 14)
อินดิเคเตอร์บอกทิศทาง (+DI และ -DI) : หารค่าเฉลี่ยของ +DM และ -DM ด้วยค่าเฉลี่ยของ TR แล้วคูณด้วย 100 เพื่อแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
ดัชนีการเคลื่อนที่ตามทิศทาง (DX): คำนวณความแตกต่างสัมพัทธ์ระหว่าง +DI และ -DI โดยใช้สูตร: DX = (|+DI - -DI| / (+DI + -DI)) × 100
ค่าเฉลี่ย DX (ADX): ใช้การปรับค่า DX ให้เรียบเพื่อสร้างเส้น ADX ซึ่งช่วยระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้มโดยไม่คำนึงถึงทิศทางของตลาด
แพลตฟอร์มการเทรดส่วนใหญ่จะคำนวณค่าต่างๆ เหล่านี้โดยอัตโนมัติแต่การเข้าใจขั้นตอนการคำนวณช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นภาพรวมของวิธีที่อินดิเคเตอร์ ADX ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้ดียิ่งขึ้น
นี่คือวิธีใช้อินดิเคเตอร์ ADX อย่างมีประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ:
ADX ที่ต่ำกว่า 20: บ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในภาวะอ่อนแอหรือเคลื่อนไหวในกรอบไซด์เวย์เทรดเดอร์มักหลีกเลี่ยงกลยุทธ์ตามแนวโน้มในช่วงนี้
ADX ที่อยู่ระหว่าง 20 ถึง 40: แสดงถึงแนวโน้มที่กำลังพัฒนาหรือเทรนด์ระดับปานกลางเหมาะสำหรับการเข้าเทรดในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้ม
ADX ที่สูงกว่า 40: บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งซึ่งมักเป็นโอกาสในการทำกำไรสูงสุดจากสินทรัพย์ที่กำลังมีแนวโน้มชัดเจน
+DI (Positive Directional Indicator): บ่งชี้การเคลื่อนไหวของราคาขาขึ้น
-DI (Negative Directional Indicator): บ่งชี้การเคลื่อนไหวของราคาขาลง
เมื่อ +DI อยู่เหนือ -DI หมายถึงตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และเมื่อ -DI อยู่เหนือ +DI หมายถึงตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง ADX ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มเหล่านี้
ADX ที่กำลังเพิ่มขึ้น: บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
ADX ที่กำลังลดลง: บ่งชี้ว่าแนวโน้มกำลังอ่อนแอลงซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงไซด์เวย์
ADX สามารถนำไปใช้กับหลายกรอบเวลากรอบเวลาสั้น (เช่น 5 นาทีหรือ 15 นาที) เหมาะสำหรับนักเทรดระหว่างวันในขณะที่กรอบเวลาที่ยาวขึ้น (เช่น กราฟรายวันหรือรายสัปดาห์) เหมาะสำหรับนักเทรดแบบสวิง (Swing Traders) และนักเทรดที่เน้นการถือตำแหน่ง (Position Traders)
อินดิเคเตอร์ ADX ไม่ได้ระบุทิศทางของแนวโน้มแต่บ่งบอกเพียงความแข็งแกร่งของแนวโน้มเท่านั้น ดังนั้นควรใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นหรือรูปแบบกราฟ (Chart Patterns) เพื่อช่วยระบุจุดเข้าและจุดออกที่มีโอกาสทำกำไรสูงสุด
อินดิเคเตอร์ ADX มีประโยชน์อย่างมากในการเทรดฟอเร็กซ์เนื่องจากการระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จนี่คือวิธีการนำไปใช้ในการเทรดฟอเร็กซ์อย่างมีประสิทธิภาพ:
1. ระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้มในคู่สกุลเงิน
ในตลาดฟอเร็กซ์แนวโน้มมักเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเคลื่อนไหวของราคา
ใช้ ADX เพื่อตรวจสอบว่าคู่สกุลเงินมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งหรือไม่ ค่า ADX สูงกว่า 25 มักบ่งชี้ว่าแนวโน้มมีความแข็งแกร่งและสามารถเข้าเทรดตามแนวโน้มได้
2. หลีกเลี่ยงตลาดที่เคลื่อนไหวแบบไร้แนวโน้ม
ค่า ADX ต่ำกว่า 20 บ่งชี้ว่าตลาดไม่มีแนวโน้มหรือราคาเคลื่อนที่แบบผันผวนในกรอบไซด์เวย์
ในกรณีนี้ เทรดเดอร์อาจมองหาโอกาสในการเข้าเทรดแบบ Breakout แทนการใช้กลยุทธ์ตามแนวโน้ม
3. เลือกคู่สกุลเงินตามระดับ ADX
เมื่อตลาดฟอเร็กซ์มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งคู่สกุลเงินที่มีค่า ADX สูงมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ
ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงิน EUR/USD หรือ GBP/JPY มักแสดงแนวโน้มที่ชัดเจนในช่วงที่มีความผันผวนสูงซึ่งสามารถตรวจสอบและยืนยันได้ด้วย ADX
อินดิเคเตอร์ ADX จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่น ๆ ที่ช่วยลดข้อจำกัดของ ADX เช่น การไม่สามารถระบุทิศทางของแนวโน้มหรือจุดเข้าและออกที่แม่นยำ
นี่คือตัวอย่างอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ร่วมกับ ADX:
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) เป็นอินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้ร่วมกับ ADX เพื่อกำหนดทิศทางของแนวโน้มโดย Moving averages แสดงให้เห็นว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
ตัวอย่างเช่น: หากราคาเคลื่อนที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่กำลังเพิ่มขึ้นและค่า ADX สูงกว่า 25 แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
อีกหนึ่งอินดิเคเตอร์ที่มีประโยชน์คือ Relative Strength Index (RSI) ที่ซึ่งใช้วัดโมเมนตั้มของตลาดและระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ในขณะที่ ADX ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม RSI สามารถช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการเข้าเทรดเมื่อราคาขยายตัวมากเกินไปและมีโอกาสกลับตัว
ตัวอย่างเช่น หาก ADX แสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งแต่ RSI สูงกว่า 70 (บ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป) เทรดเดอร์อาจหลีกเลี่ยงการเปิดคำสั่งซื้อใหม่เพื่อลดความเสี่ยงจากการกลับตัวของราคา
อินดิเคเตอร์ MACD ทำงานร่วมกับ ADX ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยช่วยระบุทิศทางของแนวโน้มและสัญญาณการกลับตัว สัญญาณ MACD Crossover สามารถใช้เป็นจุดเข้าเทรดและ ADX ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
ตัวอย่าง: หาก MACD ตัดขึ้น (Bullish Crossover) และค่า ADX สูงกว่า 25 หมายถึงมีโอกาสสูงที่แนวโน้มขาขึ้นจะแข็งแกร่งทำให้เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าเทรดฝั่งซื้อ
Bollinger Bands เป็นอีกหนึ่งอินดิเคเตอร์ที่ทำงานร่วมกับ ADX ได้ดีเนื่องจากช่วยวัดความผันผวนของตลาดและระบุจุดที่อาจเกิด Breakout หาก ADX เริ่มเพิ่มขึ้นจากค่าต่ำและราคาทะลุออกจากกรอบ Bollinger Bands มักเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังเข้าสู่แนวโน้มที่แข็งแกร่ง
สุดท้ายระดับ Fibonacci Retracement ช่วยระบุแนวรับและแนวต้านสำคัญในช่วงที่เกิดแนวโน้มหาก ADX ยืนยันว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งสามารถใช้ระดับ Fibonacci Retracement เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม
ตัวอย่างเช่นในช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่มีค่า ADX สูง เทรดเดอร์อาจมองหาโอกาสในการเข้าซื้อใกล้ระดับ 50% Fibonacci Retracement เพื่อใช้เป็นจุดกลับตัวในแนวโน้มขาขึ้น
สำหรับการเทรดระหว่างวันอินดิเคเตอร์ ADX มักต้องมีการปรับแต่งเพื่อให้ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดที่รวดเร็วขึ้นค่าเริ่มต้น 14-period ใช้งานได้ดีบนกราฟเวลาระหว่างวัน เช่น กรอบเวลา 5 นาทีหรือ 15 นาที แต่ช่วงเวลาที่สั้นลง เช่น 7 หรือ 9-period จะเหมาะสมกว่าในการจับแนวโน้มที่เกิดขึ้นเร็ว
ADX 7-period ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้รวดเร็วเหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มระยะสั้นในขณะที่ ADX 9-period ให้ความสมดุลระหว่างความเร็วและความแม่นยำ
ค่า ADX ที่สูงกว่า 25 ยังคงบ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งในขณะที่ค่าต่ำกว่า 20 ชี้ให้เห็นว่าตลาดไม่มีแนวโน้มหรืออยู่ในช่วงไซด์เวย์
นักเทรดระหว่างวันควรใช้ ADX ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ RSI และทดลองใช้การตั้งค่าเหล่านี้กับสินทรัพย์และกรอบเวลาที่ต้องการเพื่อปรับแต่งให้เหมาะสมกับการเทรดของตนเอง
อินดิเคเตอร์ ADX เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มแต่เช่นเดียวกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด
วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้อย่างชัดเจน: ADX แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มมีความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมุ่งเน้นไปที่การตั้งค่าการเทรดที่มีโอกาสสูง
มีความยืดหยุ่นสูง: สามารถใช้งานได้กับตลาดที่หลากหลาย เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ และสามารถนำไปใช้ได้กับหลายกรอบเวลา
เสริมประสิทธิภาพของอินดิเคเตอร์อื่น: ADX สามารถใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ที่วัดทิศทางแนวโน้มหรือโมเมนตั้ม เช่น RSI MACD หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)
ไม่มีอคติด้านทิศทางตลาด: เนื่องจาก ADX มุ่งเน้นเฉพาะความแข็งแกร่งของแนวโน้มโดยไม่ระบุทิศทางทำให้ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ภาพรวมของตลาดได้โดยไม่มีอคติจากการคาดการณ์ทิศทางของราคา
มีความล่าช้า: เนื่องจาก ADX เป็นอินดิเคเตอร์ที่ทำให้ค่าเฉลี่ยสมูท (Smoothed Indicator) จึงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาที่ผ่านมาซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งสัญญาณโดยเฉพาะในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ไม่ระบุทิศทางแนวโน้ม : ADX วัดเพียงความแข็งแกร่งของแนวโน้มแต่ไม่ได้บอกว่าแนวโน้มนั้นเป็นขาขึ้น (Bullish) หรือขาลง (Bearish) เทรดเดอร์จำเป็นต้องใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อระบุทิศทางของตลาด
ซับซ้อนสำหรับมือใหม่ : การทำความเข้าใจและตีความค่า ADX ร่วมกับเส้น +DI และ -DI อาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่เนื่องจากต้องอาศัยการฝึกฝนในการอ่านค่าและวิเคราะห์แนวโน้ม
มีประโยชน์น้อยในตลาดไซด์เวย์ : ในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบด้านข้าง (Range-Bound Market) อินดิเคเตอร์ ADX มักให้ข้อมูลที่นำไปใช้ได้น้อยในการตัดสินใจเทรด
สำหรับมือใหม่ อินดิเคเตอร์ ADX อาจดูซับซ้อนแต่การปฏิบัติตามเคล็ดลับง่ายๆ ต่อไปนี้จะช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นและปรับปรุงผลลัพธ์ในการเทรด
เริ่มต้นด้วยการตั้งค่าเริ่มต้น: ใช้ค่าเริ่มต้น 14-period ADX ก่อนแล้วค่อยปรับแต่งเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
โฟกัสที่ระดับสำคัญ: ค่า ADX สูงกว่า 25 บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งขณะที่ ต่ำกว่า 20 ชี้ว่าตลาดไม่มีแนวโน้มหรืออยู่ในช่วงไซด์เวย์
ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น: จับคู่ ADX กับเครื่องมืออย่าง ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ RSI เพื่อยืนยันทิศทางแนวโน้มและจุดเข้าเทรด
หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไป: ยืนยันสัญญาณจาก ADX ด้วยการวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณเท็จ
ฝึกฝนและทดสอบย้อนหลัง: ใช้บัญชีเดโม่และทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง (Backtest) เพื่อเรียนรู้ว่า ADX ทำงานอย่างไรในสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
อินดิเคเตอร์ ADX เป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้สำหรับการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและสามารถนำไปใช้ได้กับตลาดและกรอบเวลาที่หลากหลายการทำความเข้าใจค่าหลักของ ADX และการใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นและการปรับแต่งค่าตามสไตล์การเทรดจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่งและตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ติดตาม XS เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเทรดเพิ่มเติม!
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
อินดิเคเตอร์ ADX ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม โดยระบุว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งหรือไม่มีแนวโน้มหากค่า ADX สูงกว่า 25 หมายถึงแนวโน้มแข็งแกร่งในขณะที่ค่าต่ำกว่า 20 บ่งชี้ว่าตลาดไม่มีแนวโน้มหรืออยู่ในช่วงไซด์เวย
ค่า ADX สูงกว่า 25 ถือว่าเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่งและเหมาะสำหรับกลยุทธ์ตามแนวโน้มในขณะที่ค่าต่ำกว่า 20 บ่งบอกว่าตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน
RSI ใช้วัดโมเมนตัมและระบุจุดที่ตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ในขณะที่ ADX ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มทั้งสองอินดิเคเตอร์มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและทำงานได้ดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกัน
ADX ไม่ได้ระบุทิศทางของแนวโน้ม แต่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม โดยเทรดเดอร์ต้องดูเส้น +DI และ -DI เพื่อระบุว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
อินดิเคเตอร์ ADX ประกอบด้วย 3 เส้นหลัก: ADX (วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม) +DI (ทิศทางขาขึ้น) -DI (ทิศทางขาลง) ทั้งสามเส้นช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประเมินทั้งทิศทางและความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง