ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย XS Editorial Team
อัปเดตแล้ว 14 มีนาคม 2025
คำสั่งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงที่ช่วยให้เทรดเดอร์จำกัดการขาดทุนและปกป้องการลงทุนของตนเองแต่จริง ๆแล้วคำสั่ง Stop Loss คืออะไร? มันทำงานอย่างไร และคุณสามารถใช้มันได้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?
ในบทความนี้เราจะอธิบายความหมาย ตัวอย่าง และวิธีการใช้คำสั่ง Stop Loss เพื่อช่วยให้คุณเทรดได้อย่างชาญฉลาดและลดความเสี่ยงในการลงทุน
คำสั่ง Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนโดยอัตโนมัติโดยจะเปิดคำสั่งซื้อหรือขายเมื่อราคาสินทรัพย์ถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปในสภาวะตลาดที่ผันผวน
มีประเภทของคำสั่ง Stop Loss ที่แตกต่างกัน รวมถึง Fixed Stop Loss และ Trailing Stop Loss
การใช้ Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพต้องมีการวางกลยุทธ์เทรดเดอร์ควรพิจารณาความผันผวนของตลาด หลีกเลี่ยงการตั้ง Stop Loss ใกล้จุดเข้าเทรดมากเกินไป และใช้ Risk-Reward Ratio เพื่อสร้างสมดุลระหว่างกำไรและขาดทุน
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
คำสั่ง Stop Loss คือคำสั่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด เป้าหมายหลักคือเพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติมหากราคาขยับสวนทางกับคุณ
เมื่อคุณตั้งคำสั่ง Stop Loss คุณจะกำหนดราคาที่โบรกเกอร์ของคุณจะปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติวิธีนี้ช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำสั่ง Stop Loss จะเปิดคำสั่งmarket order โดยอัตโนมัติเมื่อราคาของสินทรัพย์ถึงระดับที่กำหนดไว้
ขั้นตอนการทำงาน:
คุณซื้อหุ้น คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ หรือ สินทรัพย์คริปโตในราคาที่กำหนด
คุณตั้งราคาหยุดขาดทุน (Stop Loss) ต่ำกว่าจุดเข้า (หากคุณซื้อ) หรือ สูงกว่า (หากคุณขาย)
หากราคาลงมาถึงระดับ Stop Loss ของคุณโบรกเกอร์จะขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติที่ราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตลาด
หากราคายังคงอยู่เหนือระดับ Stop Loss คำสั่งจะยังคงไม่ถูกเปิดใช้งาน
มีคำสั่ง Stop Loss หลัก ๆ อยู่สองประเภท ได้แก่:
Fixed Stop Loss คือคำสั่งที่ตั้งอยู่ที่ระดับราคาที่กำหนด และจะไม่เปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนไหวของราคา ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา $100 และตั้ง Stop Loss ไว้ที่ $95 คำสั่งนี้จะยังคงอยู่ที่ระดับราคานี้จนกว่าคุณจะปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง
trailing stop-loss จะปรับระดับโดยอัตโนมัติเมื่อราคาขยับไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณหากคุณตั้งค่า Trailing Stop Loss ไว้ที่ 5% และราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจาก $100 เป็น $110 ระดับ Stop Loss จะเลื่อนขึ้นเป็น $104 ซึ่งช่วยล็อกกำไรในขณะที่ยังคงป้องกันการขาดทุน
สมมติว่าคุณซื้อหุ้น Apple (AAPL) ที่ราคา $150 ต่อหุ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง คุณตั้งคำสั่ง Stop Loss ไว้ที่ $140
หากราคาหุ้นลดลงมาถึง $140 โบรกเกอร์ของคุณจะขายหุ้นของคุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะจำกัดการขาดทุนไว้ที่ $10 ต่อหุ้น
แต่ถ้าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $170 คำสั่ง Stop Loss จะยังคงไม่ถูกเปิดใช้งานทำให้คุณสามารถถือหุ้นและรักษากำไรของคุณต่อไปได้
คำสั่ง Stop Loss มีประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้แก่:
การบริหารความเสี่ยง: ช่วยป้องกันการขาดทุนจำนวนมากโดยปิดการเทรดโดยอัตโนมัติ
การควบคุมอารมณ์: ลดการตัดสินใจตามอารมณ์ทำให้เทรดเดอร์มีวินัยมากขึ้น
ประหยัดเวลา: เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา
ระบบอัตโนมัติ: คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อถึงระดับ Stop Loss ที่กำหนด
แม้ว่าคำสั่ง Stop Loss และ Stop Limit จะฟังดูคล้ายกันแต่ทั้งสองมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
คุณสมบัติ
Stop Loss Order
Stop Limit Order
ประเภทคำสั่ง
เปิดคำสั่ง Market Order
เปิดคำสั่ง Limit Order
ความเร็วในการดำเนินการ
ดำเนินการทันทีเมื่อถึงจุดที่กำหนด
ดำเนินการเฉพาะเมื่อถึงราคาที่กำหนดหรือดีกว่า
ความเสี่ยง
อาจถูกดำเนินการในราคาที่แย่กว่าที่ตั้งไว้เนื่องจากราคาเกิดการคาดเคลื่อน (Slippage)
อาจไม่ถูกดำเนินการหากราคาขยับเร็วเกินไป
แบบไหนดีกว่า?
Stop Loss Order เหมาะสำหรับการปิดสถานะอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการขาดทุน
Stop Limit Order เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมราคาที่คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการ
คำสั่ง Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนในขณะที่คำสั่ง Take Profit ช่วยล็อกกำไร
Take Profit Order
วัตถุประสงค์
จำกัดการขาดทุน
ล็อกกำไร
ระดับราคา
ต่ำกว่าจุดเข้า (สำหรับคำสั่งซื้อ)
สูงกว่าจุดเข้า (สำหรับคำสั่งซื้อ)
การใช้งาน
ป้องกันการขาดทุนเมื่อราคาลดลง
รับประกันกำไรก่อนที่ราคาจะกลับตัว
เทรดเดอร์หลายคนใช้ทั้งสองคำสั่งร่วมกันโดยตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุดเข้า และตั้ง Take Profit ไว้สูงกว่าจุดเข้าเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน
การใช้คำสั่ง Stop Loss อย่างถูกต้องสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในการเทรดที่ประสบความสำเร็จแม้ว่าการตั้ง Stop Loss อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่ก็มีวิธีเชิงกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของมัน
นี่คือกลยุทธ์ Stop Loss ที่ดีที่สุดที่มือใหม่ควรปฏิบัติตามเพื่อปกป้องการลงทุนและปรับปรุงการบริหารความเสี่ยง
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำคือการตั้งค่า Stop Loss แบบตายตัวโดยไม่คำนึงถึงความผันผวนของตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูงการตั้ง Stop Loss ที่แคบเกินไปอาจทำให้คำสั่งถูกกระตุ้นเร็วเกินไปส่งผลให้เกิดการขาดทุนโดยไม่จำเป็น
ในทางกลับกันหากตลาดมีความเสถียรและคุณตั้ง Stop Loss กว้างเกินไปอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับการขาดทุนที่มากขึ้น
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ให้ใช้อินดิเคเตอร์ เช่น Average True Range (ATR) เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสมตามสภาวะตลาด
ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำคือการตั้ง Stop Loss ใกล้กับจุดเข้าเทรดมากเกินไปแม้ว่าสิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นวิธีลดความเสี่ยงแต่ในความเป็นจริงอาจทำให้คำสั่งถูกตัดขาดทุนก่อนที่ราคาจะมีโอกาสเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการเนื่องจากความผันผวนปกติของตลาด
ควรเว้นระยะให้กับการเคลื่อนไหวของราคาโดยการตั้งระดับ Stop Loss ตามแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
แทนที่จะตั้ง Stop Loss เพียงไม่กี่เซ็นต์หรือไม่กี่พิปจากจุดเข้าเว้นแต่ว่าคุณกำลังใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ day trading
เทรดเดอร์มืออาชีพมักไม่ยอมรับความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวังกฎพื้นฐานสำหรับมือใหม่คือการใช้ Risk-Reward Ratio ที่ 1:2 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ $1 ที่คุณเสี่ยง คุณควรตั้งเป้าหมายกำไรอย่างน้อย $2
วิธีปฏิบัติตามหลักการนี้:
ก่อนเข้าเทรดกำหนดระดับเป้าหมายกำไรของคุณ
ตั้งค่า Stop Loss ในระยะที่ให้ผลตอบแทนอย่างน้อย 2 เท่าของความเสี่ยง
ตัวอย่างหากคุณตั้งเป้าหมาย Take Profit ไว้ที่ $20 เหนือจุดเข้าเทรด Stop Loss ของคุณไม่ควรอยู่ห่างจากจุดเข้าเกิน $10 เพื่อให้แน่ใจว่าสัดส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงเป็นไปตามแผน
Trailing Stop Loss เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปกป้องกำไรในขณะที่ยังเปิดโอกาสให้ราคาขยับขึ้นต่อไป คำสั่ง Stop Loss ประเภทนี้จะเลื่อนตามอัตโนมัติเมื่อตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณซึ่งช่วยล็อกกำไรโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง
ตัวอย่าง:
หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา $100 และตั้ง Trailing Stop Loss ไว้ที่ 5% ระดับ Stop Loss เริ่มต้นจะอยู่ที่ $95
หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $110 ระดับ Stop Loss จะขยับขึ้นเป็น $104.50 (5% ต่ำกว่า $110)
หากราคาลดลงมาถึง $104.50 คำสั่งขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติทำให้คุณล็อกกำไรแทนที่จะขาดทุน
กลยุทธ์นี้มีประโยชน์อย่างมากในตลาดที่เป็นแนวโน้ม (Trending Markets) เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเกาะกระแสแนวโน้มได้ต่อไป ในขณะที่ยังมีระบบป้องกันความเสี่ยงเพื่อรักษากำไรที่สะสมไว้
แทนที่จะตั้ง Stop Loss แล้วละเลยไปเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมักปรับ Stop Loss แบบไดนามิกตามสภาวะตลาด
เลื่อน Stop Loss ไปที่จุดคุ้มทุน (Break Even) เมื่อราคาขยับไปในทิศทางของคุณในระยะหนึ่งหากตลาดยังคงเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มของคุณค่อย ๆ ปรับ Stop Loss ขึ้นเพื่อล็อกกำไรและป้องกันความเสี่ยง
แนวรับและแนวต้านเป็นจุดราคาที่สินทรัพย์มักเกิดการกลับตัวหรือพักตัวตามปกติการตั้ง Stop Loss เลยระดับเหล่านี้ไปเล็กน้อยจะช่วยลดโอกาสที่คำสั่งจะถูกตัดขาดทุนโดยไม่จำเป็น ในขณะที่ยังสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทดสอบกลยุทธ์ Stop Loss ในบัญชีทดลองก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ของคุณได้ผลก่อนนำไปใช้กับการเทรดจริง
หลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์ โดยตั้งค่า Stop Loss ตามหลักการและกลยุทธ์ไม่ใช่จากความกลัว
ใช้ Stop Loss เป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารความเสี่ยง อย่าพึ่งพา Stop Loss เพียงอย่างเดียว ควรรวมกับกลยุทธ์อื่น ๆ
มีความยืดหยุ่น ปรับตำแหน่ง Stop Loss ตามประสบการณ์และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
นี่คือข้อดีและข้อเสียของการใช้คำสั่ง Stop Loss ในการเทรดของคุณ
จำกัดการขาดทุนโดยอัตโนมัติ
ช่วยลดการตัดสินใจตามอารมณ์
ทำให้เทรดเดอร์ปฏิบัติตามแผนบริหารความเสี่ยง
ทำงานได้แม้ไม่ได้เฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา
อาจถูกกระตุ้นเร็วเกินไปในตลาดที่มีความผันผวนสูง
อาจเกิด Slippage ทำให้ราคาดำเนินการแย่กว่าที่ตั้งไว้
ไม่รับประกันว่าคำสั่งจะถูกดำเนินการที่ราคาหยุดขาดทุน
แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการแต่คำสั่ง Stop Loss ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงในการเทรด
คำสั่ง Stop Loss ช่วยให้เทรดเดอร์ปกป้องการลงทุนและลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น โดยนิยมใช้ในการเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ และคริปโต เพื่อบริหารความเสี่ยงและรักษาวินัยในการเทรด
การเข้าใจการทำงานของ Stop Loss, ประเภทต่างๆ และกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเทรดและปกป้องเงินทุนจากความผันผวนที่ไม่คาดคิดในตลาด
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
คำสั่ง Stop Loss คือคำสั่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด ช่วยให้เทรดเดอร์จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อราคาสินทรัพย์แตะระดับ Stop Loss คำสั่งจะถูกกระตุ้นให้เปิดคำสั่งขายในตลาด (Market Order) โดยอัตโนมัติเพื่อปิดการซื้อขายก่อนที่การขาดทุนจะเพิ่มขึ้น
คำสั่ง Stop Loss จะถูกดำเนินการในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่เมื่อถึงระดับที่กำหนดในขณะที่คำสั่ง Stop Limit จะถูกดำเนินการเฉพาะที่ราคาที่กำหนดหรือดีกว่าซึ่งอาจทำให้คำสั่งไม่ถูกดำเนินการหากราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินไป
ไม่ใช่ครับ/ค่ะ คำสั่ง Stop Loss ไม่สามารถรับประกันราคาที่แน่นอนได้เนื่องจากอาจเกิด Slippage โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว
แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งแต่การใช้คำสั่ง Stop Loss ถือเป็นแนวทางที่ดีในการบริหารความเสี่ยง เพื่อปกป้องเงินทุนและหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่มากเกินไป
มือใหม่ควรใช้ Risk-Reward Ratio (เช่น 1:2) ตั้ง Stop Loss ตามระดับความผันผวนของตลาด และหลีกเลี่ยงการตั้ง Stop Loss ใกล้กับจุดเข้าเทรดมากเกินไปเพื่อลดโอกาสถูกตัดขาดทุนเร็วเกินไป
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง